ปี 1766 นครกราสซี่
ตอนใต้ของฝรั่งเศส
ฝูงชนมารวมตัวกัน ณ
จตุรัสกลางใจเมืองเพื่อฟังคำตัดสินชีวิตของฌ็อง-แบ็ปติสต์ เกรนูอีลเล่ (เบน
วิสชอว์) คนทำน้ำหอม
ฝูงชนเริ่มฮือฮาเมื่อเกรนูอีลเล่ที่โดนพันธนาการด้วยโซ่ตรวนถูกลากตัวขึ้นมายังระเบียงป้อม
พวกเขาถึงกับลุกฮือเมื่อเกรนูอีลเล่ถูกตัดสินประหารชีวิต
22 ปีก่อนหน้านี้
กรุงปารีส
แม่ของเกรนูอีลเล่ (เบอร์จิต
มินิชเมร์)
ได้ให้กำเนิดลูกชายท่ามกลางกลิ่นคาวของตลาดกรุงปารีสในวันที่อากาศร้อนที่สุดของปีนั้น
เธอพยายามเก็บซ่อนลูกผู้ไม่เป็นที่ต้องการผู้นี้เอาไว้ในถังใส่เครื่องในปลาใต้โต๊ะในแผงลอยขายของของเธอ
แต่เจ้าหนูที่เพิ่งถือกำเนิดเหมือนแกล้งผู้เป็นแม่ ด้วยการส่งเสียงร้องดังลั่น
และได้รับการช่วยเหลือจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาคนหนึ่ง
แม่โดนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับตัวและถูกแขวนคออันเนื่องมาจากพยายามฆ่าลูกของเธอเอง
เกรนูอีลเล่ใช้ชีวิตในช่วงขวบปีแรกๆ
ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าของมาดามเกลลาร์ด (เซียน
โธมัส) เด็กกำพร้าคนอื่นๆ
รู้ดีว่าในตัวเด็กทารกน้อยคนนี้มีลักษณะแปลกๆ และพยายามบีบคอเขาในวันที่เขามาถึง
แต่มาดามเกลลาร์ดจะไม่มีวันยอมเสียเงินค่าเลี้ยงดูที่เธอจะได้จากการดูแลเด็กกำพร้าไป
เธอจึงได้ช่วยเขาเอาไว้ ด้วยวัยเพียง 3 ขวบ ถึงแม้จะยังเดินไม่ได้ พูดไม่ได้
แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนูเกรนูอีลเล่มีความสามารถในการดมกลิ่นที่ถือว่าสุดมหัศจรรย์
เขาคลานไปทั่วพื้นบ้านเด็กกำพร้า พร้อมกับเรียนรู้ประสบการณ์ในโลกรอบๆ
ตัวเขาผ่านพลังพิเศษในการดมของเขา
ทางรัฐจะเลิกให้เงินดูแลเด็กกับมาดามเกลลาร์ดเมื่อเด็กคนนั้นอายุครบ 13 ปี
มาดามเกลลาร์ดจึงขายตัวเกรนูอีลเล่ให้กริมมอล (แซม
ดักลาส) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงฟอกหนังเป็นเงิน 10 ฟรังค์
การต้องทำงานในโรงฟอกหนังที่เต็มไปด้วยสารไนเตรทที่มีกลิ่นเหม็นและหนังสัตว์ที่กำลังเน่าเป็นงานที่เต็มไปด้วยอันตราย
แต่เกรนูอีลเล่กลับเอาชีวิตรอดมาได้ในสภาพแวดล้อมที่เหมือนนรกแห่งนั้น
และเติบโตจนกลายเป็นชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยพลังในตัว
ระหว่างเดินทางไปปารีสเป็นครั้งแรกในชีวิต
สายลมได้พัดพาเอากลิ่นที่หอมรัญจวนใจที่สุดเท่าที่เกรนูอีลเล่เคยได้กลิ่นมา
เขาติดตามกลิ่นนั้นไปตามถนนและตรอกซอกซอยท่ามกลางแสงจันทร์จนได้พบกับเจ้าของกลิ่น
นั่นก็คือสาวขายลูกพลัมแสนสวย (แคโรลีน
เฮอร์เฟิร์ธ)
หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกและหันหน้ามาพบสายตาเกรนูอีลเล่ที่กำลังจ้องตรงมาที่เธอ
เธอส่งเสียงกรีดร้องเมื่อเกรนูอีลเล่ใช้มือปิดปากเธอไว้
และลากตัวเธอเข้าไปแอบในเงามืดเพื่อหลบเลี่ยงชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินผ่านมา
จากเงามืดนั้น เกรนูอีลเล่เฝ้ามองชายหญิงคู่นั้นจุมพิตกัน
ในขณะที่หญิงขายลูกพลัมพยายามดิ้นรนเพื่อให้มีอากาศหายใจ สุดท้ายเมื่อหนุ่มสาวคู่นั้นเดินลับหายไป
เกรนูอีลเล่จึงปล่อยตัวหญิงสาวในอ้อมแขนเขาเพียงเพื่อจะพบว่าเขาได้ฆ่าหญิงสาวคนนั้นเสียแล้ว
เขาพยายามสูดดมกลิ่นหอมของ
เธออย่างสิ้นหวัง
พยายามดื่มด่ำและกอบโกยมันด้วยสองมือของเขาราวกับมันคือของเหลว
แต่กลิ่นที่ยากจะต้านทานของเธอกลับจางหายไปเมื่อชีวิตสูญหายไปจากร่างกายนั้น
และเกรนูอีลเล่รู้สึกท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกสูญเสียต่อกลิ่นที่จางหายไป
หน้าที่ในชีวิตนี้ของเขาคือการจะต้องได้มาซึ่งกลิ่นหอมนั้นอีกครั้ง...
เกรนูอีลเล่จึงไปฝึกงานบัลดินี่ (ดัสติน ฮอฟฟ์แมน)
คนทำน้ำหอมที่ธุรกิจกำลังย่ำแย่ และกำลังเฝ้ามองหากลิ่นหอมที่เป็น “เอกลักษณ์” ใหม่
เกรนูอีลเล่แสดงให้เห็นอย่างรวดเร็วถึงพลังของเขาในการสร้างกลิ่นหอมที่สมบูรณ์แบบที่จะกู้ชื่อเสียงของบัลดินี่กลับมา
เพื่อแลกเปลี่ยนกัน
เกรนูอีลเล่ขอให้บัลดินี่สอนเขาถึงเรื่องหัวใจของการสร้างและรักษากลิ่นหอมนั้นเอาไว้
เมื่อเกรนูอีลเล่ได้เรียนรู้ว่ากลิ่นของมนุษย์ที่มีลมหายใจไม่สามารถกลั่นให้กลายเป็นหัวน้ำหอมได้
เขาแทบสิ้นชีวาวายด้วยความตกใจ
บัลดินี่บอกเขาว่าที่เดียวที่ใช้วิธีการอันแสนลึกลับโดยใช้ไขมันดูดซับกลิ่นหอมไว้ได้ก็คือเมืองกลาสซี่
เกรนูอีลเล่จะได้พบความรู้ที่เขาต้องการได้ที่นั่น
เกรนูอีลเล่ออกเดินทางสู่เมืองกลาสซี่ทันที
ภายในถ้ำแห่งหนึ่งในมาสซิฟ เซ็นทรัล เกรนูอีลเล่พบว่าเขาไม่มีกลิ่นของตัวเขาเอง
ราวกับเขาไม่มีตัวตน ประสบการณ์ครั้งนี้สร้างความปั่นป่วนไปจนถึงกลางใจของเขา
เกรนูอีลเล่ตัดสินใจจะสร้างกลิ่นสำหรับตัวเขาเอง
โดยจะต้องเป็นกลิ่นที่ใครก็ต้านทานไม่ได้ ระหว่างเดินทางไปยังเมืองกลาสซี่
รถที่ลอร่า (เรเชล เฮิร์ด-วู้ด)
บุตรีแสนสวยของพ่อค้ารายหนึ่งผ่านเกรนูอีลเล่ไป เกรนูอีลเล่สูดดมกลิ่นในอากาศ
นี่เป็นอีกครั้งที่กลิ่นหอมรัญจวนซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเกรนูอีลเล่
ได้บังเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง
มันคือกลิ่นหอมที่เกรนูอีลเล่ต้องครอบครองให้ได้...
เกรนูอีลเล่เข้าไปทำงานเป็นช่างให้กับมาดามอาร์นูลฟี่ (โครินน่า ฮาร์ฟาช)
ซึ่งเป็นเจ้าของร้านทำน้ำหอมเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาได้เงินเดือนก้อนเล็กๆ
และที่พักเป็นกระท่อมที่ไร้หน้าต่าง
เกรนูอีลเล่มุ่งมั่นที่จะเป็นเจ้าแห่งศิลปะการทำน้ำหอม
และจะต้องให้ได้มาซึ่งทุกกลิ่นที่เขาปรารถนา
ในหลายสัปดาห์ต่อมา หญิงสาวสวยหลายคนถูกฆาตกรรม
ริชิส (อลัน ริคแมน)
พ่อค้าของเมืองเป็นเพียงคนเดียวที่สงสัยว่าเจ้าฆาตกรรายนี้จะต้องเป็นพวกชอบสะสมของสวยงาม
ในตอนแรก ฆาตกรลงมือสังหารหญิงสาวชาวบ้าน ตั้งแต่พวกคนเลี้ยงแกะ คนขายมะนาว
สาวรีดนมวัว แต่เมื่อลูกสาวฝาแฝดของทัลเลียน
เพื่อนของเขา (คาร์ลอส รี๊ก)
โดนฆ่าตายและพบเป็นศพร่างกายเปลือยเปล่าพร้อมกับสภาพศีรษะที่โดนโกนผม
ริชิสเริ่มหวาดกลัวว่าลอร่า ลูกสาวของเขาจะกลายเป็นเหยื่อ
บัดนี้ หญิงสาว 12 คนถูกพบเป็นศพ
เกรนูอีลเล่เปิดตู้ใบเล็กๆ ของเขาและมองจ้องดูขวดแก้วเล็กๆ 12 ใบ
ซึ่งแต่ละใบบรรจุไปด้วยน้ำมันสีอำพันไม่กี่หยด ที่ขาดไปมีเพียงกลิ่นเดียวเท่านั้น
และเป็นกลิ่นสุดท้ายที่จะสร้างความสมบูรณ์ให้กับน้ำหอมของเกรนูอีลเล่
ผู้คนรู้สึกเสียขวัญจนเอาไม้ตอกปิดประตูบ้านและปิดตายหน้าต่างทุกบาน
ผู้ต้องสงสัยข้อหาฆาตกรรมหญิงสาวเหล่านี้โดนจับตัวได้
แต่ริชิสเชื่อว่าทางการจับคนผิด ภายใต้ความมืดของค่ำคืนนั้น
เขาหนีออกจากเมืองไปพร้อมกับลูกสาวและพาเธอไปยังที่ปลอดภัย ณ
โรงแรมชายทะเลแห่งหนึ่ง
แต่เกรนูอีลเล่ติดตามกลิ่นของลอร่าไปไกลจนถึงเมอดิเตอร์เรเนี่ยน เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อริชิสพบศพลูกสาวของเขานอนเปลือยเปล่าและโดนเชือด
เขาถึงกับหมดหวังในชีวิต
เกรนูอีลเล่คุกเข่าอยู่ข้างกองไฟเล็กๆ ในป่า
ที่ซึ่งเขาจัดอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาหยดน้ำมันหยดสุดท้ายใส่ลงไปในขวดเล็กๆ
และจัดการผสมน้ำมันชนิดสุดท้ายเข้ากับน้ำมันอื่นอีก 12 ขวด
เขาทำจมูกสูดดมไปทุกทิศทางขณะเก็บซ่อนขวดน้ำหอมเอาไว้ในกระเป๋า
เขาตกอยู่ในวงล้อมของทหารและถูกจับตัวได้ เมื่อกลับไปถึงกลาสซี่
เกรนูอีลเล่ยอมสารภาพความผิดทั้งหมด
แต่ยังคงปิดปากเงียบเกี่ยวกับแรงจูงใจของเขา
ฝูงชนกลุ่มใหญ่พากันมุ่งหน้าสู่จตุรัสกลางเมืองกลาสซี่ในวันประหาร
แต่เกรนูอีลเล่แอบหยดน้ำหอมของเขาลงที่ข้อมือ
ลมได้พัดพากลิ่นหอมนั้นไปยังกลุ่มคนที่มามุงดูเขาในจตุรัส
และผู้คนทั้งหมดต่างรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่
แม้แต่ริชิสเองก็ยังยกแขนขึ้นโอบกอดร่างของผู้ลงมือสังหารลูกสาวเขา
ร้องไห้สะอึกสะอื้นร้องขอให้ยกโทษให้
เกรนูอีลเล่ผู้ไม่เคยได้สัมผัสความรักมาก่อนในชีวิตถึงกับล้มพับลง
เกรนูอีลเล่ยังคงมีน้ำหอมมากพอที่จะทำให้ทั้งโลกต้องมนต์สะกด
เขาเดินทางไปยังตลาดปลาในปารีส ที่ที่เขาลืมตาดูโลก
เขาพรมน้ำหอมไปทั่วทั้งตัวและปล่อยให้ตัวเองถูกผู้คนที่คิดว่ารักเขากลืนกิน
สิ่งที่เหลืออยู่ของเกรนูอีลเล่ก็คือขวดแก้วและน้ำหอมที่ล้ำค่าที่สุดในโลกหยดสุดท้าย
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น